เทคโนโลยีดิจิทัลเเทรกซึมเข้ามาอยู่ในวิถีชีวิตตั้งแต่ตื่นเช้ายันเข้านอนจนเราเเยกออกจากมันไม่ได้แล้ว วิถีชีวิตของเราเปลี่ยนไป ทุกวันนี้เราตื่นมาก็อ่านข่าวออนไลน์ในหน้าฟีดข่าว อัพเดตเรื่องราวของเพื่อนๆในไทม์ไลน์โซเชียล- มีเดียสั่งอาหารผ่านทางเดลิเวอรี่ พูดคุยกับเพื่อนๆผ่านทางเเชทออนไลน์ เป็นยุคสมัยที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี ความรวดเร็ว ทุกอย่างเกิดขึ้นได้เพียงเเค่ปลายนิ้ว
อีกทั้งสถานการณ์โควิด 19 ที่เป็นตัวเร่งให้วิถีชีวิตเราใกล้ชิดกับเทคโนโลยีมากขึ้นกว่าเดิม เช่น การเรียน ออนไลน์ของเด็กๆ การ Work From Home ของวัยทำงาน รวมถึงเรื่องการช้อปปิ้ง จับจ่ายใช้สอยต่าง ๆ ของคนทุกเพศทุกวัย ทุกวันนี้เราไม่ได้ซื้อขายสินค้าเฉพาะในห้างสรรพสินค้า หรือหน้าร้านอย่างเดียวแล้ว เพราะเพียงแค่มีโทรศัพท์มือถือลูกค้าก็ตัดสินใจซื้อสินค้าได้ตลอดเวลา เเม้ว่าตัวเราจะอยู่บนที่นอน เดินทางด้วยรถสาธารณะ เทคโนโลยีที่ก้าวหน้า อย่างไม่หยุดยั้งทำให้เราสามารถทำอะไรก็ได้ ที่ไหนก็ได้ และเมื่อไหร่ก็ได้
ในปี 2020-2021 หลายๆแบรนด์ปรับตัวมาแข่งขันกันทางออนไลน์มากขึ้น ตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป เป็นที่มาว่า “ทำไมการทำการตลาดออนไลน์จึงสำคัญ สำหรับยุค 2022นี้ ”
ก่อนที่จะพุ่งตัวลงไปทำธุรกิจช่องทางออนไลน์ ผมอยากให้เข้าใจสถานการณ์สำหรับการทำการตลาดออนไลน์ในตอนนี้ก่อน ทุกวันนี้ตลาดออนไลน์เป็นเหมือนสนามรบอันดุเดือดที่นายทุน นักธุรกิจ ผู้ประกอบการรายใหญ่ รายย่อย พร้อมที่จะประโคมเม็ดเงินอันมหาศาลเพื่อแย่งพื้นที่สื่อ สร้างการรับรู้ สร้างแบรนด์ และสร้างยอดขายเอาชนะคู่เเข่ง จนแทบไม่เหลือพื้นที่ให้ธุรกิจเล็ก ๆ ร้านค้าSMEs ทั่วไปอย่างเราต้องทำงานกันหนักมากขึ้นเพื่อที่จะเอาชนะใจผู้บริโภคได้
แล้วทำการตลาดออนไลน์ควรเริ่มต้นที่อะไรดี เราอาจจะมองที่คู่แข่งของเราก่อน เขาขายอะไรทำยังไง มีวิธีการยังไง คนซื้อเยอะไหม แต่สงสัยมั้ยว่าทำไมเกือบทุกร้านเลยที่ พอลูกค้าจะซื้อ ก็บอกให้ “ลูกค้าแอดไลน์มาเลยครับ” “ทักไลน์มาเลยค่ะ” ตัวเลือกการเปิดหน้าร้านออนไลน์ในปัจจุบันมีหลากหลายช่องทาง แต่ทำไม LINE ต้องเป็นหนึ่งในตัวเลือกเหล่านั้นที่ร้านค้า SMEs ต้องมี ทำการตลาดใน LINE เวิร์คกว่าช่องทางอื่นยังไง ? LINE คือคำตอบสำหรับ ร้านค้าออนไลน์จริงหรือไม่? อย่าพึ่งเชื่อแต่ขอให้อ่านบทความนี้จนจบก่อนแล้วคุณจะเข้าใจ
งั้นเราไปดูกันก่อนว่าทำไมใช้ LINE แล้วจะเวิร์ค อย่างแรกไปดูสถิติกันว่าทุกวันนี้สายตาของคนไทยอยู่ใน LINE มากแค่ไหน
จากสถิติปี 2021 พบว่าคนไทยใช้เวลาในการเล่นโซเชียลมีเดียในวันๆนึง ประมาณ 216 นาที LINE ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันที่คนไทยใช้เวลาด้วยโดยเฉลี่ยประมาณ 67 นาที นอกจากระยะเวลาการใช้งาน แล้ว จำนวนผู้ใช้งาน ของ LINE ก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้แพลตฟอร์ม LINE เป็นที่น่าสนใจ
กับข้อมูลล่าสุด LINE ประเทศไทยได้ประกาศออกมาว่ามียอดผู้ใช้งาน LINE ครบ 50 ล้านคน คนไทยอย่างน้อยถ้ามีโทรศัพท์มือถือในเครื่องต้องมีแอปพลิเคชัน LINE อยู่ในนั้น และเป็นผู้ใช้งานที่มีคุณภาพด้วย เนื่องจากการเปิดบัญชี LINE ต้องมีหมายเลขโทรศัพท์ เปิดไม่ง่ายเหมือนกับแพลตฟอร์มอื่นๆ ผู้ใช้งาน LINE จึงเป็นผู้ใช้งานตัวจริง ทุกวันนี้แทนที่จะขอเบอร์ติดต่อก็เปลี่ยนมาเป็นขอแอดไลน์แทนกันแล้ว
อีกช่องทางที่พึ่งมาใหม่ไม่นานกับ LINE Openchat เป็น คอมมูนิตี้ แห่งการพูดคุยของกลุ่มคนที่สนใจเรื่องเดียวกัน หากได้เข้าไปในกลุ่ม เชื่อเลยว่าแชทของเราก็จะเป็น 999+ อยู่ตลอดเวลาเพราะมีคนเข้ามาคุยกันเรื่อยๆ คนเราชอบการตอบโต้ และด้วยความที่ LINE เป็นช่องทางเดียวที่สามารถส่งต่อความรู้สึกด้วยสติกเกอร์ไลน์ สติกเกอร์หมีโค้ง ใช้ในการปิดท้ายบทสนทนาเป็นที่นิยมกันเป็นอย่างมากสำหรับการทำงานผ่าน LINE ในยุคนี้
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม แชต คอมเมิร์ซ (Chat Commerce) ถึงมีเปอร์เซ็นต์การเติบโตอย่างมาก การให้ความสำคัญกับการพูดคุยเพื่อสอบถามข้อมูลก่อนตัดสินใจ เพื่อทำความรู้จักแบรนด์ ร้านค้าต่าง ๆ เรียกได้ว่า เป็นเอกลักษณ์เฉพาะสำหรับผู้บริโภคไทยเลยก็ว่าได้ การแชทก่อนซื้อ สำหรับคนไทยแล้ว ทำให้การซื้อสินค้า เกิดความ ‘สบายใจที่จะซื้อ’ มากขึ้น ส่งผลให้หลาย ๆ แบรนด์ปรับตัวทำให้ช่องทาง การติดต่อพูดคุยกับลูกค้า มีความง่าย สะดวก และมีประสิทธิภาพสูงสุด มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าติดนำไปสู่การเติบโตของธุรกิจ ได้ดี แชต คอมเมิร์ซ หรือ LINE จึงเป็นเหมือนไพ่ใบสำคัญที่ทุกแบรนด์ควรหงายไพ่ใบนี้เป็นท่าไม้ตายสำคัญ ในการฮุกลูกค้าให้อยู่หมัด
LINE ไม่หยุดนิ่งในการปรับตัวให้เหมาะกับผู้ใช้งานร้านค้าออนไลน์ พัฒนาฟีเจอร์ต่าง ๆ ให้ตอบโจทย์ ในเชิงธุรกิจมากขึ้น เป็นเครื่องไม้เครื่องมือที่ตอบโจทย์ธุรกิจหลายตัวให้เราได้ใช้แบบฟรีๆ
ไม่ว่าจะเป็น LINE Official Account หรือ LINE OA ที่เป็นตัวกลางการสื่อสารระหว่างร้านค้าและลูกค้าที่คนไทยใช้กันค่อนข้างมาก ในปีที่ผ่าน(2021)มาเติบโตมากถึง 50% มีธุรกิจร้านค้าจำนวนไม่น้อยเริ่มมาใช้งานตัว LINE OA กันมากขึ้นจนทำให้เมื่อปีที่ผ่านมามีจำนวนบัญชี LINEร้านค้ามากถึง 5 ล้านบัญชี ทั้งองค์กรใหญ่, องค์กรขนาดกลาง และ SMEs รวมถึงแบรนด์แฟชันต่าง ๆ เข้ามาใช้บริการ ทั้งยังมีบริการใหม่อย่าง MyRestaurant กับ MyCustomer การเปิดหน้าร้านสำหรับธุรกิจอาหาร เเละการเก็บข้อมูลลูกค้าแบบใหม่
{ข้อมูลจาก LINE Agency Day}
LINE OA ช่องทางที่คนในประเทศไทยใช้งานค่อนข้างมาก ในปีที่ 2021 ผ่านมา มีธุรกิจที่ Active ในการใช้งาน LINE OA ในปี 2020>2021 ผ่านมาเติบโตถึง 50% โดยเฉพาะกลุ่ม Retail & Shopping ธุรกิจค้าปลีกผ่านช่องทาง ออนไลน์ มีการใช้งานมากที่สุด ถัดลงมาด้วย Food&Beverages ที่ตอบสนองต่อเทรนการสั่งซื้ออาหารผ่านช่องทาง ออนไลน์ที่เป็นช่องทางสำคัญในสถานการณ์โควิทในปี 2021 และ Service ธุรกิจบริการ บอกได้ว่าปี 2021 LINE OA เป็น Main Tools ในการทำธุรกิจมากขึ้น
{ข้อมูลจาก LINE Agency Day}
ลักษณะทางประชากรผู้ใช้งานที่มีการติดตาม LINE OA ครอบคลุมทุกช่วงอายุ เน้นไปที่กลุ่มอายุ 20-34 ปี
โดยในช่วงอายุ 25-29 เป็นกลุ่มผู้ชายที่ติดตาม LINE OA มากกว่าผู้หญิงด้วย และกลุ่ม 50+ เน้นเป็นกลุ่มผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย จากข้อมูลตรงทำให้เราทราบว่าอัตราส่วนคนติดตามส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุใด และ เพศใด ข้อมูลนี้เหมาะสมกับสินค้าและบริการของเรามากน้อยเพียงใด
ถัดมาตัวช่วยสำคัญสำหรับการเพิ่มฐานลูกค้า เพิ่มการรับรู้แบรนด์ และสร้างยอดขายอย่าง LINE Ad Platform
ที่ให้สามารถเปิดบัญชีและยิงโฆษณาได้ด้วยตนเองเมื่อประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีการเติบโตกว่า 42% จากปี2021 แต่ยังคงเป็นแพลตฟอร์มน้องใหม่ ต้นทุนสำหรับการลงทุนทำโฆษณาก็ยังไม่มากนัก และยังสามารถกำหนด
งบประมาณได้แบบตามใจไม่มีขั้นต่ำเลยด้วย
{ข้อมูลจาก LINE Agency Day}
มาดูในส่วนของงบโฆษณา LAP บ้างนะครับ ในปีที่ผ่านมากลุ่มที่เติบโตสูงสุดคือกลุ่มของ “การศึกษา” อัตราการเติบโตขึ้นมามากติดอันดับที่หนึ่งในปีนี้ ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ สอดคล้องกับเทรนการเรียนรู้ผ่านช่องทางออนไลน์ สอนทักษะ สอนภาษา การพัฒนาตัวเอง ไลฟ์โค้ช คอร์สออนไลน์ที่มีมากขึ้น
กลุ่มที่มีการใช้งบโฆษณาเยอะที่สุดคือ Shopping ใช้งานมากที่สุดมาทุกปีในส่วนของปี 2021 จึงเติบโตขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย
กลุ่มของ Health Food มีการเติบโตเกิน 100% สินค้าอาหารสุขภาพ อาหารเสริม ทั้งผู้ซื้อสินค้าและผู้ลงโฆษณาเข้ามาเพิ่มมากขึ้น
ส่วนกลุ่มที่ลดลงคือ Fitness And Medical Service เนื่องจาก การออกกำลังกาย และบริการทางการแพทย์ คลินิค สุขภาพ เป็นกิจกรรมที่ต้องมาเจอหน้ากัน ในสถาณการณ์โควิทการล็อคดาวน์ในปีที่ผ่านมา ทำให้อัตราการใช้เงินโฆษณาลดลงไปตามไปด้วย
